‘วิธีเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่น’ ให้เหมาะกับคุณและบ้านแสนรัก
เชื่อว่าใครหลายคนอาจเบื่อกับการทำงานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า ถูบ้าน ล้างจานหรือทำกับข้าว ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่เหล่านี้ บางคนอาจเหนื่อยล้าจากงานนอกบ้าน การมีตัวช่วยดี ๆ ก็พอจะทำให้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เบื่อกับการปัดกวาด เช็ดถูบ้าน ยิ่งถ้าบ้านมีสัตว์เลี้ยงยิ่งแล้วใหญ่ เพราะขนปุย ๆ ของสัตว์เลี้ยงแสนรักอาจกระจายอยู่ทั่วทุกมุมบ้าน ทำความสะอาดเท่าไรก็ไม่หมด แต่การมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นช่วยคุณได้ และแม้ว่าคุณจะต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน ก็ยังสามารถทำความสะอาดให้บ้านน่าอยู่ได้ ใครที่กำลังสนใจ และสงสัยว่าควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบไหนดี เรามีคำตอบมาฝาก
1. พิจารณาระบบนำทาง
ในการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสักเครื่อง ระบบเซ็นเซอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพราะหากระบบเซ็นเซอร์ไม่ดี ก็จะทำให้ไม่สามารถดูดฝุ่นได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ในบ้าน ทั้งยังต้องคอยวิตกกังวลว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอาจชนเฟอร์นิเจอร์จนข้าวของตกแตกเสียหาย หรืออาจเสียเวลาในการจับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหมุนย้ายที่เพื่อไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
แต่หากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีระบบเซ็นเซอร์ดี ๆ อย่างเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นคำนวณตำแหน่งของตนเองได้อย่างแม่นยำ และปรับเส้นทางการทำความสะอาดให้เหมาะสม ป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตกจากที่สูง หลีกเลี่ยงช่องแคบ ๆ หรือสิ่งกีดขวางทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ช่วยให้คุณประหยัดเวลา ไม่ต้องคอยจับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ไปยังที่ต่าง ๆ ในบ้าน และคลายกังวลว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอาจทำให้ข้าวของหล่นแตกเสียหาย
2. พิจารณาความจุและการทำความสะอาดกล่องเก็บฝุ่น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึงคือความจุของกล่องเก็บฝุ่น เพราะยิ่งกล่องเก็บฝุ่นมีความจุมากเท่าไร ก็ยิ่งกักเก็บฝุ่นได้มากขึ้น ช่วยให้คุณประหยัดแรงและเวลา ไม่ต้องคอยนำกล่องเก็บฝุ่นไปเททิ้งบ่อย ๆ ยิ่งถ้าบ้านมีสัตว์เลี้ยง กล่องเก็บฝุ่นยิ่งควรมีความจุมากขึ้น เพราะขนของสัตว์เลี้ยงที่กระจายอยู่ทั่วบ้าน อาจทำให้กล่องเก็บฝุ่นเต็มเร็ว หรืออาจแก้ปัญหาด้วยการเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มี Clean Station ที่เป็นเสมือนถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ ช่วยขจัดฝุ่นออกจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยไม่ทำให้ฝุ่นผงฟุ้งกระจายและกักเก็บฝุ่นไว้ ทำให้คุณไม่ต้องคอยเทถังฝุ่นทิ้งบ่อย ๆ ช่วยให้ประหยัดแรงและประหยัดเวลาได้มากขึ้น
และหากใครที่กังวลว่ากล่องเก็บฝุ่นอาจสกปรก และกลายเป็นแหล่งของเชื้อโรค ก็ควรพิจารณาเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีกล่องเก็บฝุ่นซึ่งสามารถถอดล้างได้ง่าย และสามารถนำกล่องเก็บฝุ่นไปล้างได้หมดจดทุกส่วน ให้คุณมั่นใจเรื่องความสะอาดได้ยิ่งขึ้น
3. พิจารณาระบบแปรงปัดฝุ่น
นอกจากพลังดูดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้นคือแปรงปัดฝุ่น นอกจากหัวแปรงหลักที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณกว้างแล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นบางรุ่นอาจเสริมประสิทธิภาพการทำความสะอาดให้ดียิ่งขึ้นด้วยหัวแปรงเสริม หรือตัวช่วยกวาดฝุ่นด้านข้างที่ช่วยให้ทำความสะอาดตามขอบมุมได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้นยังควรเลือกหัวแปรงที่เหมาะกับพื้นผิว เช่น หากพื้นของคุณเป็นรอยได้ง่าย ก็ควรเลือกแปรงที่มีเส้นใยอ่อนนุ่ม ลดความเสี่ยงที่จะทำให้พื้นบ้านแสนรักเป็นรอย หรือหากมีสัตว์เลี้ยง ก็อาจเลือกหัวแปรงที่มีระบบตัดบดเส้นขนหรือเส้นผม ก็สามารถลดโอกาสที่เส้นใยเหล่านี้จะพันติดหัวแปรงได้
4. พิจารณาระบบชาร์จและความจุของแบตเตอรี
ยิ่งความจุของแบตเตอรีมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถทำความสะอาดได้อย่างต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น ไม่ต้องคอยนำมาชาร์จบ่อย ๆ โดยปกติแล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นควรมีระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และควรมีระบบวิ่งกลับฐานชาร์จอัตโนมัติ เพราะเมื่อแบตฯ ใกล้หมด หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะวิ่งกลับมาชาร์จที่ฐานโดยอัตโนมัติ และกลับไปทำความสะอาดยังจุดที่ค้างไว้เมื่อแบตฯ เต็ม
5. พิจารณาขนาดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
หากบ้านของคุณเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างตู้ โต๊ะ โซฟา ชั้นวางของ หรือเตียง การทำความสะอาดบริเวณใต้เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อาจเป็นเรื่องยาก หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปอาจเข้าไปทำความสะอาจได้ไม่ทั่วถึง จึงควรเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่เทอะทะ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีความหนาไม่ถึง 15 ซม. แต่ยังคงไว้ซึ่งพลังดูดอันทรงพลัง ช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่
6. พิจารณาฟีเจอร์ดี ๆ ที่ตอบโจทย์
ปัจจุบัน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นนอกจากจะมีฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการดูดฝุ่นผงแล้ว ยังมีฟีเจอร์พิเศษต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น
- การควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน ให้คุณสั่งการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ แม้ไม่ได้อยู่ที่บ้าน หรือจัดตารางกำจัดฝุ่นได้อัตโนมัติ ให้คุณดูสถานะการทำงานได้แบบเรียลไทม์
- ระบบการจดจำวัตถุ ที่ช่วยระบุและจำแนกวัตถุกับเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งสร้างแผนที่ของสิ่งเหล่านั้นเพื่อเว้นระยะการทำความสะอาดไม่ให้หุ่นยนต์เข้าใกล้วัตถุที่แตกง่าย หรือวัตถุที่อาจเป็นอันตราย
- ระบบที่ช่วยสร้างกำแพงเสมือน เพื่อแบ่งส่วนและสั่งการทำงานเฉพาะห้อง
- ระบบแจ้งการทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นด้วยเสียง หรือ Voice Guide ที่แจ้งสถานะ ตาราง และโหมดการทำความสะอาดต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเตือนเมื่อเกิดการทำงานผิดพลาด โดยมีภาษาให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
เชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนคงพอรู้วิธีเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และมีโจทย์ความต้องการในใจกันบ้างแล้ว ซึ่งนอกจากคุณสมบัติพื้นฐานที่กล่าวมานี้ แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น อาจมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกมากมายให้คุณเลือกสรร ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นคู่ใจที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
แต่ถ้าหากใครยังไม่มีแบรนด์ที่ชอบ รุ่นที่ใช่ในใจ ลองพิจารณาเลือกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ใช่ไปกับเรา